ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.): สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยจัดกิจกรรม NSTDA Meets the Press นักวิจัยพบปะสื่อมวลชน เพื่อสัมภาษณ์พูดคุยในหัวข้อ “ชวนรู้จัก ฐานข้อมูลด้าน CO2, CE, SDGs เพื่อการค้าและความยั่งยืน นำประเทศไทยสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ” โดยมี ดร.นงนุช พูลสวัสดิ์ ผู้อานวยการกลุ่มวิจัย สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TIIS) เอ็มเทค สวทช. ดร.เอนกประชา แก้วมณี ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจโรงกลั่น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ นายวิชัย รายรัตน์ Sustainable Development Director บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ร่วมให้สัมภาษณ์พูดคุย เพื่อให้เห็นความสำคัญของฐานข้อมูล CO2, CE, SDGs : กุญแจสำคัญสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของไทย ภายใต้การดำเนินงานของสถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TIIS) เอ็มเทค สวทช. และพันธมิตรภาคเอกชน ซึ่งสถาบัน TIIS ถือเป็นหน่วยงานที่ให้บริการครบวงจร (One stop Service) ด้านข้อมูลและสารสนเทศเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม การค้าและความยั่งยืน ตลอดจนเพื่อให้สาธารณชนภาคส่วนต่าง ๆ เข้าใจบทบาทสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ ที่ห้องแถลงข่าว กระทรวง อว. ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.): สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ดร.นงนุช พูลสวัสดิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัย สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TIIS) เอ็มเทค สวทช. กล่าวว่า สวทช. มุ่งมั่นที่จะพัฒนาและปรับปรุงฐานข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเชื่อว่าการใช้ข้อมูลที่แม่นยำและครอบคลุมจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมทั้งเปิดเผยถึงความก้าวหน้าล่าสุดของฐานข้อมูล CO2, CE, SDGs ว่า สถาบัน TIIS ได้พัฒนาชุดข้อมูลค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Factor: EF) ที่ครอบคลุม 22 กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการออกแบบและรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาฐานข้อมูลและตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน ได้แก่ ดัชนีการหมุนเวียนวัสดุ (Material Circularity Index, MCI) ในผลิตภัณฑ์เป้าหมาย 12 ประเภทของอุตสาหกรรมก่อสร้าง เพื่อสนับสนุนการประเมินและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ฐานข้อมูลเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน BCG Economy และการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย โดยช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนผ่านการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เกิดการใช้วัตถุดิบรอบสอง ส่งเสริมโมเดลธุรกิจหมุนเวียน รวมทั้งลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมตลอดจนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
“ดังตัวอย่างกรณีของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ได้นำค่า EF จากฐานข้อมูลมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงจำนวน 5 ชนิด จนได้รับการขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอนจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ในปี 2556 ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีค่าการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ต่ำกว่ามาตรฐานทั้งในและต่างประเทศ ในขณะเดียวกัน บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ได้นำดัชนี MCI มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเน้นการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ โดยนำวัสดุหมุนเวียนมาใช้ทดแทน โดยยังคงไว้ซึ่งคุณภาพและมาตรฐานของ เอสซีจี”
ฉลากคาร์บอนมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับสินค้าไทยในตลาดโลก ดร.นงนุช ได้อธิบายว่า “ฉลากคาร์บอน” เป็นเครื่องมือสำคัญที่แสดงข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ครอบคลุมตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การกระจายสินค้า การใช้งาน ไปจนถึงการจัดการของเสีย ฉลากคาร์บอนไม่เพียงช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แหล่งที่มา/อ่านทั้งหมดได้ที่ https://pineapplenewsagency.com