Search
Close this search box.

NRFมุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ชู ‘โครงการวิจัยถ่านชีวภาพ’สู่อาวุธลับรักษ์โลก

share to:

Facebook
Twitter

#NRF #ทันหุ้น-NRF หนุนการพัฒนาและวิจัยเกี่ยวกับโครงการต้นแบบการผลิตถ่านชีวภาพจากเตาเผาวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรที่มีประสิทธิภาพสูง ร่วมมือกับสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรเหลือทิ้งจากการเกษตร เช่น ซังข้าวโพด ลำต้น ตอ ใบ และเปลือกข้าวโพด มาเปลี่ยนให้เป็นถ่านชีวภาพ (ไบโอชาร์) ที่สามารถช่วยลดปัญหาการเผาและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Negative) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF เผยว่า โครงการนี้เกิดขึ้นจากปัญหาหมอกควันที่เกิดจากการเผาวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรในภาคเหนือ ซึ่งเป็นปัญหาที่เรื้อรังและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่เป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง และจังหวัดใกล้เคียง การเผาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊าซพิษอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดฝุ่นละออง PM2.5 ในปริมาณที่สูง ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนและเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ NRF จึงได้สนับสนุนสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ ในการวิจัยและพัฒนาต้นแบบเตาเผาถ่านชีวภาพที่สามารถรองรับวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรได้มากถึง 50 กิโลกรัมต่อวัน โดยมีรูปแบบการเผาที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การใช้ฟืน การใช้น้ำมันพืชใช้แล้ว และถ่านอัดแท่ง ซึ่งสามารถควบคุมอุณหภูมิในการเผาได้ถึง 700 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ยังมีการออกแบบระบบชุดอบวัตถุดิบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตถ่านชีวภาพอีกด้วย

ผลที่คาดหวังจากโครงการนี้คือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยถ่านชีวภาพที่ได้จากกระบวนการนี้สามารถนำไปใช้ทดแทนปุ๋ยเคมีในแปลงเกษตร ช่วยกักเก็บคาร์บอนในดินและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการผลิตในภาคเกษตรกรรม นอกจากนี้การพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวยังสามารถขยายผลไปสู่การใช้งานในระดับชุมชนและเกษตรกรรายย่อยได้ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว

การสนับสนุนจาก NRF ในโครงการนี้ไม่เพียงแค่เป็นการลดปริมาณการเผาและหมอกควัน แต่ยังเป็นการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่มุ่งเน้นการใช้วัสดุที่มีอยู่แล้วอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ NRF มุ่งหวังว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ที่สามารถขยายผลไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ และเป็นต้นแบบสำหรับการพัฒนาในระดับนานาชาติต่อไป

แหล่งที่มาข้อมูล / อ่านทั้งหมดได้ที่ : https://thunhoon.com/article/301772