กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดธุรกิจดาวเด่น Bio-Innovation ธุรกิจแห่งโลกอนาคต ใช้เทคโนโลยีชีวภาพและนวัตกรรมมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุนการผลิต ตอบโจทย์ตลาดโลกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี โดยนิติบุคคลไทยมีจำนวน 389 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 9,576 ล้านบาท ต่างชาติลงทุน 3,881 ล้านบาท ต่างชาติที่ลงทุนสูงสุดคือ ฮ่องกง คิวบา และญี่ปุ่น ย้อนหลัง 5 ปี มีการจัดตั้งในธุรกิจนี้เพิ่มมากขึ้น ควบคู่กับการสร้างรายได้และสินทรัพย์ที่สูงขึ้นตามมา ทั้งนี้ มีปัจจัยสนับสนุนมากมายให้ไทยพร้อมเป็นเป้าหมายในการลงทุนในธุรกิจ Bio-Innovation และใช้ธุรกิจนี้เป็นตัวเสริมให้ธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีชีวภาพมากยิ่งขึ้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ทำการวิเคราะห์ธุรกิจดาวเด่นประจำเดือนพฤษภาคม 2568 พบว่า ธุรกิจ Bio-Innovation มีความโดดเด่นและน่าสนใจอย่างมาก โดยเป็นการผสมผสานระหว่าง Biotechnology หรือเทคโนโลยีชีวภาพ และ Innovation หรือนวัตกรรม โดยใช้วิทยาศาสตร์ชีวภาพมาประยุกต์ให้เกิดเป็นนวัตกรรมหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่จนกลายเป็นธุรกิจที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและมีความสำคัญต่อการสร้างความเติบโตของธุรกิจไทย โดยเฉพาะด้านการแพทย์ เกษตร อาหาร และอุตสาหกรรม เช่น เส้นใยสังเคราะห์จากจุลินทรีย์ที่มีความแข็งแรงสูงเทียบเท่าไนลอน อาหารเลี้ยงสัตว์ที่มีโปรตีนสูงผลิตจากหนอนแมลงวันลาย การลดปริมาณน้ำตาลในอาหารและเครื่องดื่มที่มีผลไม้เป็นส่วนประกอบ พลาสติกที่ผลิตจากอ้อยและมันสำปะหลังย่อยสลายได้ เป็นต้น ในปี 2024 ทั่วโลกมีการแข่งขันในธุรกิจนี้สูงมากสร้างมูลค่าอุตสาหกรรมกว่า 1.55 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย 6 ประเทศที่เป็นหลักในอุตสาหกรรมนี้คือ สหรัฐอเมริกา จีน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ เกาหลีใต้ และสหราชอาณาจักร ด้านประเทศไทยในปี 2024 มีมูลค่าอุตสาหกรรมประมาณ 0.7% ของโลก โดยระหว่างปี 2024-2030 จะมีสัดส่วนมูลค่าอุตสาหกรรมเติบโตอยู่ที่ 13.6% ต่อปี และคาดการณ์ว่าในปีอีก 5 ปีข้างหน้าหรือปี 2030 จะมีมูลค่าสูงถึง 8,284 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 268,573 ล้านบาท
อธิบดีอรมน กล่าวต่อว่า “สำหรับนิติบุคคลที่ดำเนินธุรกิจ Bio-Innovation ในประเทศไทย (ณ วันที่ 31 พ.ค.68) พบว่า มีนิติบุคคลจำนวน 389 ราย โดยจำนวนนิติบุคคลคงอยู่เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 45 ราย คิดเป็น 13.08% มูลค่าทุนจดทะเบียน 9,576 ล้านบาท ธุรกิจส่วนใหญ่จัดตั้งในขนาดเล็ก (S) มีจำนวน 358 ราย คิดเป็น 92.03% ขนาดกลาง (M) จำนวน 30 ราย คิดเป็น 7.71% และขนาดใหญ่ (L) จำนวน 1 ราย คิดเป็น 0.26% รวมถึงจัดตั้งในรูปแบบบริษัทจำกัดที่สุดจำนวน 382 ราย คิดเป็น 98.20% ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล/ห้างหุ้นส่วนจำกัด จำนวน 5 ราย คิดเป็น 1.29% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 2 ราย คิดเป็น 0.51%
เมื่อวิเคราะห์สัดส่วนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ Bio-Innovation ในเชิงลึกจะเห็นได้ชัดว่ารอบ 5 ปีที่ผ่านมา (2563-2567) มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2567 มีการจัดตั้งสูงสุดกว่า 59 ราย เพิ่มขึ้นถึง 11.32% จากปี 2566 และ 5 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-พ.ค.) มีการจัดตั้งใหม่จำนวน 30 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2567 จำนวน 11 ราย คิดเป็น 57.89% มูลค่าทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 178 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2567 จำนวน 149 ล้านบาท คิดเป็น 5.11 เท่า ปัจจัยที่เป็นส่วนสำคัญทำให้การจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้นมาจากธุรกิจสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่เป็นตัวแปรสำคัญของธุรกิจ รวมทั้งปัจจัยด้านการยอมรับเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในเชิงอุตสาหกรรมมากขึ้น ด้านการลงทุนของต่างชาติในธุรกิจ Bio-Innovation พบว่า มีมูลค่าการลงทุน 3,881 ล้านบาท สัญชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรกคือ ฮ่องกง มูลค่า 1,074 ล้านบาท คิวบา มูลค่าการลงทุน 683 ล้านบาท และ ญี่ปุ่น มูลค่า 649 ล้านบาท
ที่มาภาพ/ข้อมูล อ่านบทความทั้งหมดได้ที่ : https://www.dbd.go.th/news/17630062568