กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) และภาคเอกชน นำขยะอินทรีย์อบแห้งมาใช้ประโยชน์และสร้างรายได้ให้ชุมชน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากขยะเศษอาหาร
นายสมศักดิ์ สรรพโกศลกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และบริษัท เอ็น.ซี.ซี.แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการเพื่อสนับสนุนการนำขยะอินทรีย์อบแห้งมาใช้ประโยชน์ในงานวิจัยมุ่งมั่นในการทำให้ขยะไม่ใช่ขยะ เพื่อการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางด้วยการนำขยะอินทรีย์อบแห้งที่ผ่านการแปรรูปแล้ว ไปใช้ประโยชน์ในภาคการศึกษาและการวิจัยของประเทศ ส่งเสริมการเผยแพร่องค์ความรู้ด้วยการประชาสัมพันธ์และถ่ายทอดให้กับชุมชน เครือข่าย และประชาชน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะทำให้การส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา เพื่อการศึกษาวิจัยและบริการวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมขยายผลออกในวงกว้างเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาขยะ นำไปสู่การแก้ปัญหาที่สำคัญด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ทั้งนี้ สถานการณ์ขยะมูลฝอยของประเทศไทยปี 2564 มีการผลิตขยะออกมา 24.98 ล้านตันต่อปี หรือประมาณ 68,000 ตันต่อวัน แบ่งเป็น ขยะอินทรีย์ร้อยละ 64 โดยขยะอินทรีย์ 1 ตัน ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 0.51 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งอัตราการผลิตขยะต่อคน 1.14 กิโลกรัมต่อวัน แต่นำกลับไปใช้ประโยชน์เพียงร้อยละ 32 ถูกส่งกำจัดอย่างถูกต้องเพียงร้อยละ 37 ส่วนที่เหลือนำไปกำจัดไม่ถูกต้องกว่าร้อยละ 31 ทำให้เกิดขยะสะสมกลายเป็นปัญหามลภาวะ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพกับประชาชน และเป็นการทิ้งทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์
ด้าน นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ให้ความสำคัญกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG และการพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยมีแนวทางปฏิบัติอย่างชัดเจนบริหารจัดงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างยั่งยืน จึงมีโอกาสร่วมสนับสนุนการนำขยะอินทรีย์ภายในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์มาแปรรูปด้วยการอบแห้ง เพื่อสร้างมูลค่าและเป็นประโยชน์ในงานวิจัยของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะช่วยพัฒนาชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และขับเคลื่อนประเทศสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ที่มาข้อมูล : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG221221233428543