จังหวัดกาฬสินธุ์ถ่ายทอดองค์ความรู้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) ไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน มุ่งเน้นการนำต้นทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพไปพัฒนาชุมชนในการสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชน พร้อมส่งเสริมการปลูกป่า เพิ่มพื้นที่สีเขียว เตรียมผลักดันต้นไม้ให้มีมูลค่าเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้
ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ นายพิชิต สมบัติมาก รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับพื้นที่ โดยเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดกาฬสินธุ์ มุ่งเน้นการนำต้นทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพไปสู่การพัฒนาชุมชนในการสร้างงานและสร้างรายได้ โดยมีนายปราชญา อุ่นเพชรวรากร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ บุคลากรจากหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ในจังหวัดกาฬสินธุ์ กว่า 100 คน เข้าร่วม
นายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 ให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว (BCG) โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่ปี พ.ศ.2564 ดังนั้น สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับจังหวัด (จังหวัดกาฬสินธุ์) เพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน และทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนร่วมกัน ซึ่งมีการจัดเวทีอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ BCG Model จากผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิ
นายพิชิต สมบัติมาก รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นจังหวัดที่มีฐานทรัพยากรสำคัญหลายด้าน เช่น ป่าไม้ น้ำ และทรัพยากรด้านวัฒนธรรม BCG เป็นเรื่องสำคัญในปัจจุบัน เนื่องจาก การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ ส่งผลกระทบในวงกว้าง อาทิ ภัยแล้ง น้ำท่วม และภาวะโลกร้อน ที่เกิดจากความสมดุลทางธรรมชาติ โดยเฉพาะพื้นที่ป่าไม้ถูกทำลาย การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การปลูกป่า ปลูกต้นไม้ ไม้ยืนต้น ก็มีคุณค่าไม่แตกต่างกัน ในเรื่องนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ เล็งเห็นว่าทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนจะสามารถนำต้นไม้ที่ปลูกในที่ดินกรรมสิทธิ์ไปเป็นหลักทรัพย์สามารถ เข้าถึงแหล่งทุน สถาบันการเงินต่างๆ ที่จะสามารถมีทุนในการต่อยอดสร้างงาน สร้างรายได้
ที่มาภาพ/ข้อมูล : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230526203228184