สวทช. ผนึกกำลัง สพฐ และ สสวท. ส่งเสริมเยาวชนให้เป็นนวัตกร สร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เข้าถึงชุมชน และมีหัวใจรักสิ่งแวดล้อมตามแนวทางโมเดลเศรษฐกิจ BCG ผ่านโครงงานวิทยาศาสตร์

share to:

Facebook
Twitter

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ฝ่ายวิชาการ หลักสูตร และสื่อการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรพัฒนาศักยภาพครูโรงเรียนศูนย์วิทยาศาสตร์พลังสิบ ระดับประถมศึกษา (ป.6) เพื่อส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาเยาวชนผ่านกระบวนการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ โดยใช้แนวคิดของโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งเน้นการผสมผสานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาโครงการที่ยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม ระหว่างวันที่ 3 – 4 มิถุนายน 2567 ณ โรงแรมรอยัล ริเวอร์ กรุงเทพมหานคร โดยมีครูจำนวนกว่า 200 คนเข้าร่วมการอบรม
นางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิชาการ หลักสูตร และสื่อการเรียนรู้ ได้บรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ และแรงบันดาลใจเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมนวัตกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์และสิ่งประดิษฐ์ระดับโรงเรียนตามโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG โดยใช้ความคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)

จากนั้นจะเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการ จุดประกายการเรียนรู้แบบสืบเสาะและแนวทางการค้นพบคำตอบผ่านวิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) ซึ่งเป็นวิธีการศึกษาค้นคว้าหาคำตอบในสิ่งที่อยากรู้ โดยใช้กระบวนการและวิธีการศึกษาอย่างมีระบบ เป็นขั้นตอน มีการวางแผนที่ชัดเจน ปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้ จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุปที่เป็นคำตอบในเรื่องนั้น ๆ และเรียนรู้เรื่องตัวแปรและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ผ่านการทำสไลม์

ครูผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้และฝึกทดลองกับโครงงานตามแนวทางโมเดลเศรษฐกิจ BCG เช่น เรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานทางเลือกอย่าง “พลังงานลม” วิธีการนำพลังงานลมมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบของพลังงานไฟฟ้า ครูได้ทดลองประดิษฐ์กังหันลม ฝึกการเปรียบเทียบลักษณะของใบพัดที่มีผลต่อการหมุนและผลต่อการเกิดกระแสไฟฟ้า ใช้กระบวนการทางโครงงานวิทยาศาสตร์ในการออกแบบและพัฒนาใบพัดให้รับลม สามารถหมุนแกนแม่เหล็กภายในเจเนอเรเตอร์จนเกิดกระแสไฟฟ้าในปริมาณที่ต้องการได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด

กิจกรรมพลาสติกแปลงร่าง เป็นกิจกรรมการทดลองทำพลาสติกชีวภาพจาก “น้ำนม” การทดลองเปลี่ยนตัวแปรต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิ ปริมาณ เป็นต้น รวมถึงวิธีการใช้ประโยชน์พลาสติกที่เหมาะสม การแยกประเภท และการนำกลับมาใช้ประโยชน์ และปิดท้ายด้วยกิจกรรมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate change) ซึ่งจะทำให้เกิดมีความเข้าใจในปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ การฝึกทักษะทดลองวิทยาศาสตร์ ปรับตัวแปรที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน นำไปสู่การออกแบบแนวทางการรับมือกับภัยพิบัติ โดยการค้นคว้าและสร้างสรรค์นวัตกรรมจากธรรมชาติที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและสามารถนำไปใช้ประโยชน์หรือสร้างรายได้ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

 

ที่มาภาพ/ข้อมูล อ่านบทความทั้งหมดได้ที่ : https://www.nstda.or.th/home/news_post/nstda-powerten/