15 มีนาคม 2567 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีประกาศเกียรติคุณข้าราชการพลเรือนดีเด่น คนดีศรีข้าว และศูนย์ดีเด่น กรมการข้าว ประจำปี 2566 และมอบทุนการศึกษาบุตรของบุคลากรกรมการข้าว ประจำปี 2567 เนื่องในงานวันคล้ายวันสถาปนากรมการข้าวครบรอบ 18 ปี พร้อมด้วย นายชิษณุชา บุดดาบุญ รองอธิบดีกรมการข้าว ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมการข้าว เข้าร่วมโดยพร้อมเพรียง ณ กรมการข้าว กรุงเทพมหานคร
นายอนุชา กล่าวว่า ในระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลได้ตระหนักและเข้าใจถึงปัญหาที่พี่น้องชาวนาต้องเผชิญอยู่ในสถานการณ์ราคาข้าวตกต่ำ การส่งออกข้าวไทยลดลง ต้นทุนการผลิตข้าวที่สูงขึ้น ตลอดจนสถานการณ์ภัยธรรมชาติและแมลงศัตรูข้าว แต่ถึงอย่างนั้นรัฐบาลเองก็ได้มีนโยบายช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าว ผ่านโครงการด้านข้าวต่างๆ มากมาย เพื่อมุ่งหวังให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสร้างโอกาสให้แก่ชาวนาในฤดูกาลผลิตที่กำลังจะมาถึง ทั้งนาปรัง และนาปี
รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ กล่าวต่อไปว่า ชาติพันธุ์ของประเทศไทยเป็นชาติพันธุ์เกษตร เพราะประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศประกอบอาชีพทางด้านเกษตร ดังนั้น จึงได้ขับเคลื่อนแนวคิด “เงินบาทแรกของแผ่นดิน” คือ เงินจากดิน (สวนไร่นา) เงินจากน้ำ (ภาคประมง) และเงินจากหญ้า (ภาคปศุสัตว์) ซึ่งถือมีความสำคัญ เพราะเกษตรกรเป็นกำลังซื้อหลักของประเทศ ที่จะสามารถผลิตเม็ดเงิน เพื่อดันตัวเลข GDP ให้เติบโตขึ้นได้ต่อไปในอนาคต ซึ่งจะนำไปสู่การก้าวพ้นกับดักความยากจนและกับดักหนี้สินของพี่น้องชาวนา ที่กรมการข้าวจะตั้งปณิธานการทำงานในการร่วมกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ผ่านพ้นไปได้
️นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า กรมการข้าวได้ดำเนินงานเพื่อสนองแนวนโยบายของรัฐบาล เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวนาผ่านโครงการด้านข้าวต่างๆมากมาย อาทิ โครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวปี 2566 ที่มุ่งเน้นให้ชาวนาเปลี่ยนมาใช้เมล็ดพันธุ์ดีในการเพาะปลูก เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตข้าวให้มีคุณภาพ และได้ปริมาณที่มากขึ้น เกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวเปลือกได้ในราคาที่สูงขึ้น และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
อธิบดีกรมการข้าว กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้นยังมีนโยบายให้กรมการข้าวพัฒนาและสนับสนุนให้ “ศูนย์ข้าวชุมชน” เป็นศูนย์รวมในการบูรณาการงานด้านข้าวของทุกส่วนราชการในพื้นที่ โดยเป็นแหล่งผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้แก่ชุมชนได้ใช้อย่างพอเพียงและต่อเนื่อง รวมทั้งยกระดับเป็นจุดถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวการลดต้นทุนการผลิตข้าว การแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าว การจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี และการตลาดของผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากข้าว โดยมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้จัดให้มีโครงการส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิตข้าวรักษ์โลก BCG MODEL เพื่อส่งเสริมให้ชาวนาได้มีโอกาสเลือกซื้อจัดหาปัจจัยการผลิตและเครื่องจักรกลการเกษตรสำหรับศูนย์ข้าวชุมชน เป็นการปรับปรุงกระบวนการเพาะปลูกข้าว เน้นการทำนาแบบประณีต ผ่านการใช้ระบบชีวมวล – ชีวภาพ – จุลินทรีย์แทนสารเคมี ส่งเสริมการทำนาแบบยั่งยืน ที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มพี่น้องชาวนา ตลอดจนส่งเสริมให้ชาวนาหันมาทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ที่จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ให้เพียงพอต่อความต้องการของต้นข้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดต้นทุนในการผลิตได้ และที่สำคัญยังถือเป็นการรณรงค์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อลดภาวะโลกร้อนที่กำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน โดยกรมการข้าวได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ และประโยชน์ของตลาดคาร์บอนเครดิตที่พี่น้องชาวนาจะได้รับ ที่จะนำคาร์บอนเครดิตไปจำหน่ายเพื่อต่อยอดเป็นรายได้อีกทางเลือกหนึ่ง จึงได้มีการเข้ามาถ่ายทอดองค์ความรู้ในเรื่องดังกล่าวให้กับชาวนา
ที่มาข้อมูล/อ่านทั้งหมดได้ที่ : https://www.agrinewsthai.com/industrial-drop/117494