Search
Close this search box.

รองปลัด ทส. นำคณะผู้แทนไทย ประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 16 (CBD COP 16) ร่วมกับอีกกว่า 140 ประเทศ

share to:

Facebook
Twitter

 

ดร.อรนุช หล่อเพ็ญศรี รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมระดับสูงของการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 16 (CBD COP 16) ช่วงวันที่ 29-30 ตุลาคม 2567 ณ เมืองซานเตียโก เด กาลิ สาธารณรัฐโคลอมเบีย ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้นำประเทศ รัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่อาวุโส ที่ดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพ การเงินและการคลัง มากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก และยังร่วมการประชุมทวิภาคี เพื่อแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของประเทศไทยที่จะขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกับภาคีอนุสัญญาฯ พร้อมทั้งแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศและภาคเอกชน เพื่อดำเนินงานหยุดยั้งการสูญเสียและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพให้ได้ภายใน ปี ค.ศ. 2030 รวมถึงเพื่อให้มนุษยชาติมีคุณภาพชีวิตที่ดีควบคู่กับธรรมชาติที่สมบูรณ์ภายในปี ค.ศ. 2050

หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้กล่าวถ้อยแถลงถึงการดำเนินงานตามเป้าหมายระดับชาติและแผนปฏิบัติการด้านความหลากหลายทางชีวภาพระดับชาติ เพื่อแสดงความมุ่งมั่นของไทยที่จะสนับสนุนการทำงานร่วมกับประชาคมโลกในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ การขยายพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกเขตพื้นที่คุ้มครอง (OECMs) เพื่อสนับสนุนเป้าหมาย 30×30 ภายในปี ค.ศ. 2030

 

นอกจากนี้ ยังแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการดำเนินงานกับภาคีอนุสัญญาฯ เกี่ยวกับเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) การจัดตั้งกลไกที่เหมาะสมต่อการแบ่งปันผลประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรพันธุกรรม การริเริ่มกลไกเพื่อเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้เพียงพอต่อ รวมถึงการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ใช้ประโยชน์ความหากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน

 

ส่วนในช่วงการประชุมระดับสูง คณะผู้แทนไทยได้ใช้โอกาสนี้แสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อดำเนินงานตามเป้าหมายชาติและแผนปฏิบัติการด้านความหลากหลายทางชีวภาพระดับประเทศ อาทิ การหารือทวิภาคีกับ Ms. Rita el Zaghlou ผู้อำนวยการกลุ่ม High Ambition Coalition for Nature and People (HAC for N & P) ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา Matchmaking Platform ซึ่งเป็นเครื่องมือให้สมาชิก 120 ประเทศ จับคู่ความต้องการกับองค์กรความร่วมมือต่าง ๆ กว่า 60 องค์กรทั่วโลก เพื่อดำเนินงานเพิ่มพื้นที่ที่มีความสำคัญทางระบบนิเวศทั้งทางบก แหล่งน้ำในแผ่นดิน และทางทะเลให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ภายในปี ค.ศ. 2030

 

 

แหล่งที่มาข้อมูล / อ่านทั้งหมดได้ที่ : https://thainews.prd.go.th/thainews/news/view/664232/?bid=1