โลกกำลังก้าวเข้าสู่ศตวรรษแห่งผู้สูงอายุ เมื่อประเทศพัฒนาแล้วแทบทุกชาติเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ ประเทศกำลังพัฒนาเกือบทุกประเทศมีสัดส่วนประชากรของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ประเทศไทยเองกำลังอยู่ในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ซึ่งการเข้าสู่สังคมชราภาพนับเป็นความท้าทาย เพราะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่มีวัยพึ่งพิงมากกว่าวัยทำงานนั้น ย่อมต้องประสบปัญหาทั้งการขาดแคลนแรงงาน สุขภาพ รวมถึงเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ให้ความสำคัญต่อการพัฒนางานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อผู้สูงอายุมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ขณะเดียวกันยังเป็นการเตรียมพร้อมรองรับสังคมผู้สูงอายุอย่างมีประสิทธิภาพ
นวัตกรรม ‘รถเข็นไฟฟ้า’ เพื่อคนพิการและผู้สูงวัย
ปัจจุบันมีผู้สูงอายุและคนพิการทางด้านการเคลื่อนไหวร่างกายที่ต้องการใช้รถเข็นเพิ่มมากขึ้น ทว่ารถเข็นที่ใช้งานส่วนใหญ่มักเป็นรถเข็นแบบทั่วไป ต้องอาศัยกำลังแรงคนในการใช้มือผลักดัน ในกรณีที่ผู้สูงอายุหรือคนพิการที่ไม่มีกำลังแขนก็ต้องพึ่งพาคนใกล้ชิด ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระ และไม่สะดวกในการเดินทางนัก ขณะที่รถเข็นไฟฟ้าแม้จะใช้งานง่าย แต่ยังมีราคาค่อนข้างสูง ตั้งแต่ราคา 20,000-100,000 บาท ทำให้มีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้าถึงเทคโนโลยีได้
ดร.ดนุ พรหมมินทร์ ทีมวิจัยชีวกลศาสตร์ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. ได้วิจัยพัฒนา ‘M-Wheel อุปกรณ์พ่วงต่อปรับรถเข็นทั่วไปเป็นรถเข็นไฟฟ้า’ ที่สะดวก ปลอดภัย และราคาไม่แพง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้รถเข็นทั่วไปไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุหรือคนพิการที่ยังใช้งานร่างกายท่อนบนได้ดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานได้ดียิ่งขึ้น โดยอุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อน ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ ชุดขับเคลื่อน ชุดควบคุมการเคลื่อนที่ และชุดแหล่งพลังงาน เน้นใช้อุปกรณ์ที่หาซื้อได้ง่ายในท้องตลาด สำหรับระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ หากชาร์จไฟฟ้า 8 ชั่วโมง จะใช้งานได้ต่อเนื่องนาน 4 ชั่วโมง หรือระยะทาง 20 กิโลเมตร ซึ่งในกรณีที่แบตเตอรี่หมดสามารถสลับเปลี่ยนการใช้งานจากระบบไฟฟ้ามาเป็นระบบปกติเหมือนเดิมได้
ทั้งนี้ M-Wheel ผ่านการประเมินผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ทางไฟฟ้า ด้วยการทดสอบความปลอดภัยทางไฟฟ้า การป้องกันสัญญาณรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งผ่านการประเมินความเสี่ยงของอุปกรณ์ โดยศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC)
Power Lift Bed เตียงนอนสุดล้ำ ลุก–นั่งปลอดภัย
ด้วยสภาพร่างกายที่เสื่อมไปตามวัย ทำให้หลายๆ ครั้ง การใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุมีอุปสรรคทั้งในด้านการลุก การนั่ง การยืน และเป็นสาเหตุของการพลัดตกหกล้ม
ดร.ศราวุธ เลิศพลังสันติ หัวหน้าทีมวิจัยออกแบบและแก้ปัญหาอุตสาหกรรม กลุ่มวิจัยการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการคำนวณ เอ็มเทค พัฒนา “Power Lift Bed” เตียงนอนสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยพักฟื้นหลังการผ่าตัด ซึ่งมีกลไกช่วยให้สามารถลุก นั่ง ยืน ได้สะดวกสบาย มีความปลอดภัยสูง โดยมีการออกแบบให้เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ ใช้งานและควบคุมได้ง่ายผ่านรีโมตคอนโทรล มีตัวหนังสือและสัญลักษณ์อธิบายที่ชัดเจน ทำให้สะดวกต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ที่สำคัญเตียงยังสามารถปรับหมุนไปด้านซ้าย-ขวาได้ถึง 90 องศา ทำให้ผู้สูงอายุที่นอนอยู่สามารถกดรีโมตปรับเตียงมาอยู่ในท่านั่ง และกดคำสั่งให้เตียงหมุนมาด้านข้างเพื่อนั่งรับประทานอาหาร หรือดูโทรทัศน์ได้ทันที ช่วยให้ผู้สูงอายุพึ่งพาตนเองมากขึ้น สร้างความมั่นใจในการลุกขึ้นนั่งหรือยืน ไม่รู้สึกเป็นภาระต่อครอบครัว
ล่าสุด เอ็มเทค สวทช. ได้ร่วมกับบริษัท SB Design Square ปรับรูปลักษณ์เทคโนโลยีให้มีความสวยงาม ทันสมัย มีฟังก์ชันใช้สอยที่ครบถ้วนสมบูรณ์ตอบโจทย์ผู้บริโภค สร้างความรู้สึกที่แตกต่างจากเตียงผู้ป่วยแบบทั่วไป ปัจจุบันมีวางจำหน่ายแล้วที่ SB Design Square หรือสั่งสินค้าออนไลน์ได้ที่ www.sbdesignsquare.com นับเป็นเฟอร์นิเจอร์ทางเลือกใหม่ที่สร้างความอุ่นใจในการใช้ชีวิตภายในบ้านให้กับผู้สูงอายุ
สื่อกระตุ้นความจำ ป้องกันโรคสมองเสื่อม
โรคสมองเสื่อมเป็นปัญหาที่พบมากในผู้สูงอายุ โดยผู้ป่วยจะมีอาการลืมเลือนสิ่งต่างๆ หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน ซึ่งผู้ที่ดูแลนอกจากจะต้องมีความรู้และความเข้าใจอย่างมากแล้ว การพยายามกระตุ้นให้ผู้ป่วยคงความสามารถ ด้วยการหากิจกรรมให้ผู้ป่วยทำ เช่น การทายภาพสมาชิกใครอบครัว การเล่นเกม จะช่วยพัฒนาสมองและฟื้นฟูความทรงจำได้มากขึ้น
ดร.สิทธา สุขกสิ ทีมวิจัยออกแบบและแก้ปัญหาอุตสาหกรรม กลุ่มวิจัยการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการคำนวณ เอ็มเทค ได้พัฒนา “AKIKO ผ้ากระตุ้นสมอง” ที่มีการออกแบบให้เหมาะสมกับบริบทของผู้สูงอายุในประเทศไทย โดยผลงานนี้มีลักษณะเป็นผ้าห่มที่ทำจากผ้าไทย มีความสวยงาม เนื้อผ้าอ่อนนุ่ม เวลาผู้สูงอายุสัมผัสเนื้อผ้าจะรู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ หรือบางครั้งเวลาที่ผู้สูงอายุรู้สึกหงุดหงิดเมื่อจับหรือสัมผัสผ้าจะช่วยให้รู้สึกว่าได้คลายความหงุดหงิด ลดความเครียด และความกระวนกระวายใจได้ นอกจากนี้ AKIKO ยังถูกออกแบบให้มีช่องใส่รูปภาพ หรือกลิ่นหอมต่างๆ ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความคุ้นเคยของผู้สูงอายุ ซึ่งนำมาทำเป็นเกมช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสและความทรงจำที่ดีให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยสมองเสื่อมได้ ขณะนี้มีการนำไปใช้จริงในสถานดูแลผู้สูงอายุ และมีบริษัทเอกชนเข้ารับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเตรียมผลิตขายเชิงพาณิชย์
นอกจากนี้ยังมี “MONICA เกมฝึกสมอง” สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยสมองเสื่อม เพื่อให้มีสมาธิมากขึ้น โดยเกมจะช่วยกระตุ้นสมองส่วนต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้งาน ทั้งในเรื่องความจำ การตัดสินใจ การมองเห็นและตอบสนองต่างๆ รวมถึงการใช้ภาษา โดยตัวเกม MONICA จะประกอบด้วยส่วนของโปรแกรมและปุ่มกดที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ การทำงานของเกมจะมีให้เลือกความยากง่าย เน้นการใช้ภาพ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ โดยมีตัวอย่างเกม เช่น เกมเปรียบเทียบภาพปัจจุบันกับภาพก่อนหน้าว่าเหมือนหรือแตกต่าง หากเหมือนกันให้กดเครื่องหมายถูก หากต่างกันให้กดเครื่องหมายผิด เป็นต้น เมื่อผู้สูงอายุเล่นเกมผ่านจะมีความรู้สึกภาคภูมิใจ มีความรู้สึกมั่นใจในการทำสิ่งต่างๆ รวมถึงมีการตัดสินใจที่ดีขึ้น
อาหารเคี้ยวกลืนง่าย ปลอดภัย ไม่สำลัก
การสำลักน้ำและอาหาร รวมถึงภาวะการกลืนยาก เป็นปัญหาสำคัญของผู้สูงอายุ เกิดจากอวัยวะในช่องปากเสื่อมลงและไม่สามารถดื่มน้ำหรือบริโภคของเหลวได้เหมือนคนปกติ ซึ่งนอกจากอันตรายแล้วยังส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น การขาดน้ำ ขาดอาหาร ที่อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ดร.ชัยวุฒิ กมลพิลาส นักวิจัยทีมวิจัยวัสดุศาสตร์อาหาร เอ็มเทค ได้ร่วมงานกับบริษัทเอกชน พัฒนา “ผงเพิ่มความหนืด” ที่ใช้เติมในน้ำและเครื่องดื่มให้มีความหนืดเพิ่มขึ้นตามที่ต้องการ เพื่อให้เกิดการไหลเข้าสู่หลอดอาหารได้ง่ายขึ้น ไม่ติดอยู่บริเวณคอหอยหรือหลุดเข้าไปในหลอดอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอาการสำลักได้ ในเรื่องการบดเคี้ยวอาหารสำหรับผู้สูงอายุ ทีมวิจัยยังใช้องค์ความรู้ในการปรับโครงสร้างของเนื้อสัตว์ให้เกิดการแตกหักง่ายขึ้น เมื่อผู้สูงอายุรับประทานเข้าไปแล้วจะช่วยให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ง่ายจากการใช้เหงือกหรือการใช้ลิ้นดุนเพื่อให้เนื้อสัมผัสของเนื้อสัตว์แตกตัวเป็นชิ้นเล็กๆ และเกิดการย่อยได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันทีมวิจัยกำลังศึกษาแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารโดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ (3D food printing) เพื่อตอบรับความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารเฉพาะบุคคลที่คาดว่าจะมีปริมาณมากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัย “การพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ปรับเนื้อสัมผัสให้บดเคี้ยวและกลืนง่าย” ผลงานวิจัยของ ดร.นิสภา ศีตะปันย์ ทีมวิจัยวัสดุศาสตร์อาหาร กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง เอ็มเทค ที่ใช้เทคโนโลยีกระบวนการปรับโครงสร้างร่วมกับการใช้ตัวปรับเนื้อสัมผัส เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ “เนื้อสัตว์ที่มีเนื้อสัมผัสนุ่ม” บดเคี้ยวง่ายด้วยฟันหรือเหงือก กลืนง่าย มีปริมาณไขมันสัตว์น้อย และมีคุณค่าทางโภชนาการ ที่สำคัญยังคงรูปร่างได้ มีลักษณะปรากฏคล้ายอาหารที่เตรียมจากเนื้อสัตว์ทั่วไป สามารถหั่นหรือตัดเป็นชิ้นได้ จึงนำไปเตรียมเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู อาทิ คั่วกลิ้ง ลาบหมู มัสมั่นหมู หมูกระเทียม ช่วยให้ความรู้สึกในการบริโภคคงเดิม
ส่วนที่พิเศษสุดคืออาหารปราบเซียนอย่างสเต๊ก ดร.อศิรา เฟื่องฟูชาติ ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยโพลิเมอร์ เอ็มเทค สามารถพัฒนาตัวปรับเนื้อสัมผัสอาหารสำหรับประเภทเนื้อสัตว์สู่ผลิตภัณฑ์ “สเต๊กเนื้อนุ่ม” พร้อมอุ่นร้อนจากเนื้อหมูหรือเนื้อวัวบดหยาบที่มีปริมาณเนื้อสัตว์มากกว่า 70% โดยน้ำหนัก และมีไขมันน้อยกว่า 5% โดยผลิตภัณฑ์มีเนื้อสัมผัสคล้ายเนื้อชิ้นแต่นุ่มและบดเคี้ยวง่าย ช่วยลดอุปสรรคในการบริโภคของผู้สูงอายุ
ผลิตภัณฑ์จากพืช โปรตีนทางเลือก
ไม่เพียงการปรับเนื้อสัมผัสเนื้อสัตว์เพื่อให้ผู้สูงอายุรับประทานได้ง่ายและได้โปรตีนครบถ้วนแล้ว สวทช. ยังพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร “โปรตีนทางเลือก” ทดแทนการบริโภคเนื้อสัตว์ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด อาทิเช่น “Ve-Chick ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่จากพืช” ผลงานวิจัยของ ดร.กมลวรรณ อิศราคาร นักวิจัยทีมวิจัยวัสดุศาสตร์อาหาร กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง เอ็มเทค ที่ได้นำความรู้เรื่องการออกแบบโครงสร้างอาหารมาผสานเข้ากับความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของโปรตีนจากถั่วเหลือง เพื่อจัดเรียงโครงสร้างของอาหารให้มีลักษณะเป็นเส้นใยเหมือนกับเนื้อไก่ ควบคู่ไปกับการปรุงแต่งกลิ่นและรสชาติให้เหมือนอาหารต้นแบบ ดังนั้นเมื่อผู้บริโภครับประทาน Ve-Chick จะได้รับความรู้สึกเหมือนรับประทานเนื้อไก่จริง และยังได้รับสารอาหารในปริมาณที่แทบไม่แตกต่างกัน โดยเนื้อไก่ปกติ100 กรัม จะมีโปรตีนประมาณร้อยละ 20 ของน้ำหนัก ขณะที่ Ve-Chick มีโปรตีนประมาณร้อยละ 16 ของน้ำหนัก ที่สำคัญไม่มีคอเลสเตอรอล และปลอดภัยจากฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตที่อาจตกค้างมาในเนื้อไก่
มีอาหารแล้วต้องมีเครื่องดื่ม ดร.ศิริกาญจน์ วิเศษสุวรรณภูมิ นักวิจัยทีมวิจัยวัสดุศาสตร์อาหาร ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) พัฒนา “M-Pro Jelly Drink เครื่องดื่มโปรตีนสูงจากถั่วเขียว” โดยนำโปรตีนถั่วเขียวมาผ่านกระบวนการผลิตเพื่อเหนี่ยวนำให้เกิดโครงสร้างโปรตีนตามต้องการ ร่วมกับการใช้ไฮโดรคอลลอยด์ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อช่วยในการพยุงโครงสร้าง และช่วยในการกระจายตัวของโปรตีนให้คงสภาพได้ดีภายหลังการให้ความร้อนระดับพาสเจอไรซ์ ทำให้ได้เครื่องดื่มโปรตีนสูงชนิดเจลจากโปรตีนพืชที่มีลักษณะปรากฏเป็นเนื้อเดียวกัน และมีเนื้อสัมผัสที่เทียบเคียงได้กับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชนิดเจลทางการค้าที่ไม่มีโปรตีนหรือมีโปรตีนในปริมาณที่ต่ำกว่า โดยผลิตภัณฑ์มีอายุการเก็บรักษานาน 2 สัปดาห์ในตู้เย็น และกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาให้สามารถเก็บไว้ได้นานขึ้นโดยไม่ต้องแช่เย็น ทั้งนี้ เครื่องดื่ม M-Pro Jelly Drink มีปริมาณโปรตีนสูงกว่าร้อยละ 20 ของปริมาณโปรตีนที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยอายุ 6 ปีขึ้นไป (Thai RDI) หรือร้อยละ 6 โดยน้ำหนักของผลิตภัณฑ์ และมีการเสริมแคลเซียมกว่าร้อยละ 10 ของปริมาณแคลเซียมที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยอายุ 6 ปีขึ้นไป (Thai RDI)
ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างผลงานการวิจัยและพัฒนาของ สวทช. ที่ช่วยให้ผู้สูงอายุดำรงชีวิตพึ่งพาตนเองได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข สอดคล้องกับนโยบายโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี (BCG Economy Model) ซึ่งเป็นวาระของชาติ ที่มุ่งส่งเสริมพัฒนานวัตกรรมการแพทย์และสุขภาพ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตและเตรียมพร้อมรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ