Bio-Circular-Green Economy (BCG): โมเดลเศรษฐกิจสีเขียวเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

share to:

Facebook
Twitter

BCG Economy คืออะไร?

BCG ย่อมาจาก Bio Economy, Circular Economy และ Green Economy ซึ่งเป็น 3 แนวคิดที่ผสมผสานกันเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่ “ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดของเสีย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”

1. Bio Economy (เศรษฐกิจชีวภาพ)

  • การใช้ทรัพยากรชีวภาพ (พืช สัตว์ จุลินทรีย์) อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรผ่านนวัตกรรม เช่น
    ✅ การสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพร
    ✅ การผลิตพลังงานชีวภาพ (ไบโอดีเซล, ไบโอแก๊ส)
    ✅ การพัฒนาอาหารฟังก์ชันนัล (Functional Food)

ตัวอย่างโครงการ:

  • การปลูกมันสำปะหลังพันธุ์พิเศษเพื่อผลิตพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic)
  • การใช้จุลินทรีย์ปรับปรุงดินแทนปุ๋ยเคมี

2. Circular Economy (เศรษฐกิจหมุนเวียน)

  • ลดการสร้างขยะ โดยนำของเสียกลับมาใช้ใหม่
  • หลักการ “Zero Waste” ในกระบวนการผลิต

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้:

♻️ เกษตรกรรม:

  • ใช้เศษพืชเหลือทิ้งทำปุ๋ยหมัก
  • น้ำเสียจากฟาร์มสุกรผลิตก๊าซชีวภาพ

♻️ อุตสาหกรรม:

  • Upcycling วัสดุเหลือใช้ เช่น กากกาแฟทำเป็นถ่านดูดซับกลิ่น
  • ระบบรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์เกษตร

3. Green Economy (เศรษฐกิจสีเขียว)

  • พัฒนาธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
  • ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์

ตัวอย่าง:
🌱 เกษตรอินทรีย์ (Organic Farming)
🌱 การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Eco-Tourism)
🌱 พลังงานสะอาด (โซลาร์เซลล์ในฟาร์ม)

 

BCG กับภาคการเกษตรของไทย

โอกาสของเกษตรกรภายใต้โมเดล BCG

1. สร้างรายได้จากของเหลือทิ้ง

  • เช่น แกลบอ้อย → นำไปผลิตไฟฟ้า
  • กากสับปะรด → ทำเป็นอาหารสัตว์

2. ลดต้นทุนการผลิต

  • ใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากวัสดุในท้องถิ่น
  • ระบบน้ำหมุนเวียนในฟาร์ม

3. เข้าถึงตลาด Premium

  • สินค้าเกษตรอินทรีย์ได้รับราคาสูง
  • ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสมุนไพรมีมูลค่าเพิ่ม

ตัวอย่างความสำเร็จ

✅ โครงการ “ชุมชน BCG” ในหลายจังหวัด เช่น

  • น่าน: ปลูกกาแฟอราบิก้าคุณภาพสูงแบบยั่งยืน
  • สระแก้ว: ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในฟาร์มกุ้ง

✅ วิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพร เช่น ทุเรียนเทศสกัดสารต้านมะเร็ง

บทความที่เกี่ยวข้อง