สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปี 2567 ขยายตัว 2.5% ต่อเนื่องจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 2.0% ส่วนไตรมาส 4 ขยายตัว 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยขยายตัวไม่มากเพราะการผลิตอุตสาหกรรมชะลอตัวโดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ลดลง 21% ขณะที่ดัชนีการผลิตรวม (PMI) อยู่ที่ 57% แม้การส่งออกขยายตัวดี
ส่วนเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัว 2.3-3.3% (ค่ากลางการประมาณการ 2.8%) โดยคาดว่าการอุปโภคบริโภคขยายตัว 3.3% และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 3.2% มูลค่าการส่งออกรูปดอลลาร์ขยายตัว 3.5% อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 0.5-1.5% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.5% ของ GDP
เช่นเดียวกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ยังคงประมาณการจีดีพี ปีนี้ไว้ที่ 2.4-2.9% การส่งออกขยายตัวได้ 1.5-2.5% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 0.8-1.2%
I = Investment เน้นส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมหรือบริการที่เป็นจุดแข็งของประเทศ เช่น อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ตามหลักโมเดล BCG และมุ่งส่งออก High value Product แทน การส่งสินค้าเกษตรขั้นต้นซึ่งมีมูลค่าต่ำกว่า อีกทั้งเร่งการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากจุดแข็งของเรา (New Engine) เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อทดแทนส่วนที่หายไปจากยานยนต์สันดาป โดยผลักดัน Part Transform Policy เพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น เครื่องจักรกลเกษตร, Aerospace, อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ, เครื่องมือแพทย์, ขนส่งทางราง และ Robotic เป็นต้น
ลแหล่งที่มาข้อมูล / อ่านทั้งหมดได้ที่ : https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1167373