อีอีซีบูม แห่ผุด 20 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ขนาด 50-1,000 ไร่ รับคลื่นลงทุนทะลักเข้าไทย

share to:

Facebook
Twitter

 

 

 

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)หรืออีอีซี เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนไทยทั้งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเป็นเจ้าของที่ดิน ได้ยื่นขอจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ จำนวน 20 แห่ง ใน 3 จังหวัดอีอีซี ทั้งจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรีและระยอง โดยมีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 50 ไร่ ถึง 1,000 ไร่ สำหรับจัดสรรพื้นที่รองรับการลงทุนจากนักลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างชาติ ในกลุ่มคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย 5 กลุ่มที่อีอีซีกำหนด ได้แก่ การแพทย์และสุขภาพ,ดิจิทัล,ยานยนต์สมัยใหม่,เศรษฐกิจบีซีจีและบริการหรือจะมากกว่านี้ก็ได้

ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด เพื่อเตรียมเสนอให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) เห็นชอบต่อไป คาดว่าจะมีประมาณ 10 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษที่จะสามารถเริ่มดำเนินการภายในปี 2568 นี้ ส่วนที่เหลือทยอยดำเนินการในปีถัดไป

“ทั้ง 20 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เป็นพื้นที่นอกนิคมอุตสาหกรรม ที่นักลงทุนสามารถเข้ามาลงทุนและได้สิทธิประโยชน์ต่างๆจากอีอีซี ซึ่งแต่ละอุตสาหกรรม แต่ละพื้นที่อาจจะได้ไม่เหมือนกัน ตอนนี้ต้องยอมรับว่าในโซนตะวันออกได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากที่จะเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนจากประเทศจีนที่ใน 1-2 ปีนี้จะเป็นประเทศที่มีการลงทุนมากที่สุด จากปัจจุบันที่จีนก็เป็นเบอร์หนึ่งที่มาลงทุนในอีอีซีอยู่แล้ว ต่อไปจะมีเข้ามามากขึ้น ทั้งในนิคมอุตสาหกรรมและเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษในอีอีซี ถือว่า 2 ปีนี้เป็นปีทองการลงทุนของประเทศไทยและอีอีซี ผมมองว่าเป็นโอกาสที่เราต้องแข่งขันให้ชนะ เพราะถ้าหลุดจากนี้ ต้องรอยาวเป็น 10-20 ปี”นายจุฬากล่าว

อย่างไรก็ดีมี 1 ราย จากประเทศไต้หวัน เป็นนักลงทุนด้านเซมิคอนดักเตอร์ ที่ขอส่งเสริมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) แทนอีอีซี เนื่องจากรอไม่ไหว เพราะต้องรอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบประกาศกพอ. เรื่องสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ….ก่อน ถึงจะสามารถอนุมัติให้ดำเนินการได้ ทำให้การลงทุนหายไปร่วม 50,000 ล้านบาทและเหลือ 12 โครงการ แต่ 1 รายที่ไปใช้การส่งเสริมบีโอไอนั้นถือว่ายังเป็นการลงทุนในประเทศไทย แม้จะไม่ใช้จากอีอีซีก็ตาม

 

 

 

แหล่งที่มาข้อมูล / อ่านทั้งหมดได้ที่ : https://www.matichon.co.th/economy/news_5062146