นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนและถดถอย ประกอบกับวิกฤตแบ่งขั้วทางการเมืองระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันประเทศไทยจะเข้าสู่การเลือกตั้ง ความท้าทายดังกล่าวมีผลกระทบต่อการลงทุนเป็นอย่างมาก แต่ในทางตรงกันข้าม พบว่าปัจจัยดังกล่าวกลับส่งผลดีต่อประเทศไทย ทำให้นักลงทุนย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่มายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยที่มีความโดดเด่น มีโครงสร้างพื้นฐานสามารถรองรับภาคอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพสูงสุดในภูมิภาค สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อภาคธุรกิจ อีกทั้งยังมีต้นทุนที่ไม่สูง
นอกจากนี้ ไทยยังได้สร้างจุดแข็งใหม่เพิ่มเติม เรื่องการส่งเสริมพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนใช้ในการเลือกแหล่งลงทุน
บีโอไอ ออกมาตรการส่งเสริมการย้ายฐานธุรกิจแบบครบวงจร (Relocation Program) เพื่อกระตุ้นให้บริษัทชั้นนำจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทยมากขึ้น โดยในปี 2566 มีแผนดึงดูดลงทุนพร้อมจัดกิจกรรมเชิงรุกเจาะกลุ่มเป้าหมายกว่า 200 ครั้ง ทั้งการจัดคณะโรดโชว์จากส่วนกลางและสำนักงานบีโอไอ 16 แห่งทั่วโลก เพื่อเผยแพร่มาตรการส่งเสริมการลงทุนใหม่และโอกาสการลงทุนในประเทศไทย โดยมีนักลงทุนเป้าหมายหลักคือ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน เกาหลี อินเดีย สหรัฐอเมริกา และประเทศในยุโรป เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น โดยเดือนเมษายนนี้ เตรียมเดินทางไป 3 เมืองหลักในประเทศสาธารณรัฐคือ เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว และเซินเจิ้น เพื่อจะเจรจากลุ่มนักลงทุนอุตสาหกรรม EV อิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล ยังรวมถึง BCG และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
นอกจากนี้ บีโอไอยังส่งเสริมการกระจายการลงทุน ให้เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่เป้าหมายต่างๆ ทั่วประเทศ เช่น พื้นที่อีอีซี พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน พื้นที่จังหวัดชายแดนใต้และเมืองต้นแบบ พื้นที่ 20 จังหวัดรายได้ต่อหัวต่ำ รวมถึงเขตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและสร้างการเติบโตอย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2563-2565 ไทยมียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนใน 5 อุตสาหกรรม ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน รวมทั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรม BCG และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ รวมกัน 2,687 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 600,000 ล้านบาท
ที่มาข้อมูล : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230303201612127