Search
Close this search box.

การหารือประธานคณะกรรมการการค้าและเศรษฐกิจไทย–ญี่ปุ่น เพื่อหาลู่ทางขยายความร่วมมือระหว่างกัน

share to:

Facebook
Twitter

ในช่วงปลายสมัยของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีไม่ลดละความพยายามที่จะนำมาซึ่ง ความเสมอภาคในการพัฒนา และความเป็นธรรมในสังคม กระจายความเจริญสู่ทุกพื้นที่

เมื่อวันที่ 15 มี.ค.66 ในช่วงเช้า คือ การหารือประธานคณะกรรมการการค้าและเศรษฐกิจไทย–ญี่ปุ่น เพื่อหาลู่ทางขยายความร่วมมือระหว่างกัน ในหลายเรื่อง เช่น

1. ด้านการลงทุน : ญี่ปุ่นถือเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ใน EEC เป็นอันดับ 2 ที่มีมูลค่าการลงทุนในช่วงปี 2561-2565 ประมาณ 159,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งล่าสุดมีเป้าหมายร่วมกันในการส่งเสริมบทบาทให้ไทยเป็น “ศูนย์การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และชิ้นส่วนประกอบ” ของภูมิภาคในอนาคต ตลอดจนยกระดับความร่วมมือในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ ที่ญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญอีกด้วย

2. ด้านการเกษตรและอาหาร : ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้านอาหาร และยังมีการนำเข้าวัตถุดิบทางด้านอาหารจากไทยจำนวนมาก เช่น ในปี 2565 ไทยส่งออกสินค้าประมงไปญี่ปุ่น ทั้งปลา-กุ้ง-หมึก-อาหารทะเลแปรรูป รวมมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท อีกทั้งภาคเอกชนไทยก็พร้อมที่จะไปลงทุนทางด้านอาหารในญี่ปุ่นเพิ่มเติม เนื่องจากอาหารไทยถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ยังมีโอกาสทางการค้าและการลงทุนใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ BCG พลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกมาก

สำหรับภารกิจในช่วงบ่าย ผมได้ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจราชการ และเป็นประธานในพิธีเปิดใช้แพขนานยนต์ลำใหม่ แทนลำเดิมที่เสื่อมสภาพจากการใช้งานมานานกว่า 20 ปี ณ ด่านศุลกากรอำเภอตากใบ ให้เป็นบริการสาธารณะประโยชน์ อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ทั้งชาวไทยและมาเลเซีย รวมทั้งนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ทั้งทางถนน-ราง-อากาศ-น้ำ ที่รัฐบาลได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ขนส่งสินค้า และเชื่อมโยง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยกับ 4 รัฐของมาเลเซีย สร้างเศรษฐกิจและโอกาสหารายได้ที่ดีขึ้น

หลังจากนั้น ผมได้พบปะประชาชนในพื้นที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา และข้าราชการพลเรือน-ตำรวจ-ทหาร เพื่อรับฟังปัญหาโดยตรงในพื้นที่ สร้างการรับรู้ในโครงการพัฒนาต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับประชาชนทุกคน ทุกภูมิภาคของประเทศ โดยเชื่อมโยงการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวกับทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งผมขอให้ทุกคนภาคภูมิใจในความเป็นไทย รวมทั้งสังคมพหุวัฒนธรรมของตน และรักษาไว้ซึ่งความรัก-ความสามัคคี ที่เป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ซึ่งผมในฐานะผู้นำรัฐบาล ไม่ว่าจะในต้นสมัย หรือปลายสมัยรัฐบาล ก็จะไม่ลดละความพยายามที่จะนำมาซึ่ง ความเสมอภาคในการพัฒนา และความเป็นธรรมในสังคม โดยผมเชื่อมั่นว่าเมื่อความเจริญกระจายไปถึงพื้นที่ใด ชาวประชาพื้นที่นั้นก็จะมุ่งมั่นทำมาหากิน แล้วทุกชีวิตก็จะมีแต่สันติสุขในทุกวันครับ

 

ที่มาภาพ/ข้อมูล : https://www.facebook.com/prayutofficial/posts/pfbid032fSk8KLJ8AojDwVViHNHnGSN9jXM9YJ8i86k81Ktmb8gg1V5pgsxGNbRpioPo3rzl