วานนี้ (9 กุมภาพันธ์ 2566) เวลา 10.00 น. นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดชลบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor : EEC ในหลากหลายมิติที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา อาทิ การพัฒนาด้านการท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรม บุคลากร การศึกษา การวิจัย ธุรกิจ การเงิน เทคโนโลยี ตลอดจน การสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และผลักดันการลงทุนนวัตกรรมใหม่ โดยมี นายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี, นางสุดฤทัย เลิศเกษม รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์, ดร.อรทัย โยธินรุ่งเรือง สุดสงวน ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ, ปลัดจังหวัดชลบุรี, ประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี, สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดชลบุรี, ศุลกากรจังหวัดชลบุรี, ประมงจังหวัดชลบุรี, อาจารย์, นักศึกษา, หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนชาวบางเสร่ จำนวนมากให้การต้อนรับ
โดยในช่วงเช้า นายธนกร ได้เดินทางไปเยี่ยมชมการดำเนินงานชุมชนเข้มแข็งและยั่งยืน ของชุมชนเก่าชายทะเลบางเสร่ อ.สัตหีบ จ. ชลบุรี ได้เข้าไปหารือและรับฟังความเห็นจากชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งพบว่าชุมชนนี้ยังคงอัตลักษณ์วิถีชาวประมงแบบดั้งเดิมเอาไว้ อีกทั้งยังมีการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนและการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้กับพื้นที่และชุมชนโดยรอบ
จากนั้น เวลา 13.00 น. ได้เดินทางไปเยี่ยมชมและติดตามโครงการสัตหีบโมเดล ซึ่งเป็นการพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาสู่ตลาดแรงงานภาคอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ณ วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ จ. ชลบุรี และได้ไปร่วมกิจกรรมสื่อสร้างสรรค์ รัฐ – ประชาชน ซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่พูดคุยรับฟังความคิดเห็นในหลากหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาจังหวัดชลบุรี และ EEC อาทิ ประเด็นความพร้อมด้านการส่งเสริมการศึกษาเพื่อรองรับการขยายตัวของ EEC การส่งเสริมการลงทุนและประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ ตลอดจนการเตรียมความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานหลักใน EEC อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา) โครงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา เป็นต้น
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า จังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงทั้งในแง่การท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในที่ตั้งของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯ มุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศไปสู่อนาคต ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนากำลังคน การพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำประเทศไทยให้พัฒนาเจริญก้าวหน้า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลผลักดันและเร่งรัดการลงทุน เกิดการอนุมัติงบลงทุนสูงถึง 1.92 ล้านล้านบาท เกินเป้าหมาย 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งพื้นที่ EEC ได้ถูกผลักดันให้เป็นฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า EV แห่งภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการลงทุนเศรษฐกิจสีเขียว BCG model ซึ่งคาดว่าจะเกิดการจ้างงานถึง 470,000 อัตราภายในปี 2566 ถือเป็นความมุ่งหมายของรัฐบาลในการบูรณาการกับทุกภาคส่วน
ที่มาภาพ/ข้อมูล : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230210163039045