รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอให้คณะผู้แทนไทยสนับสนุนการเจรจาเพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาคมโลก และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 27 (COP 27)
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการประชุมมอบนโยบายคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 27 (COP 27) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 6 – 18 พฤศจิกายนนี้ ณ เมืองชาร์ม-เอล-เชค สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ เพื่อพิจารณาการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการดำเนินงานตามโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy Model) การปรับปรุงยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศ (LT-LEDS) และการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 (NDC) เพื่อบรรลุเป้าหมายของประเทศให้ประชาชนทุกระดับมีความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งครั้งนี้ประเทศไทยได้วางกรอบท่าทีเจรจาในเวที COP 27 ระหว่างปี 2565-2566 โดยจะสนับสนุนการเจรจาเพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาคมโลก และคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ไทยจะได้รับอย่างยั่งยืน พร้อมยืนยันการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต้องคำนึงถึงความเป็นธรรม และหลักความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่าง คำนึงถึงขีดความสามารถของแต่ละภาคี โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนมาเป็นแนวทางดำเนินงานในทุกมิติแก้ปัญหาและขับเคลื่อนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวย้ำว่า ประเทศพัฒนาแล้วจะต้องมีบทบาทผู้นำการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อเนื่องและครอบคลุมทุกภาคเศรษฐกิจ ในส่วนของไทยตั้งใจจะร่วมกับภาคีอื่นๆดำเนินงานตามความตกลงปารีส โดยขอให้คณะผู้แทนไทยใช้กรอบท่าทีเจรจาฯดังกล่าวเป็นหลักในการเจรจา และติดตามประเด็นการเจรจาในระหว่างการประชุมอย่างเคร่งครัด พร้อมรายงานความก้าวหน้าผลการประชุมผ่านระบบการรายงานที่จัดเตรียมไว้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการสรุปผลการประชุม COP 27 และการประชุมที่เกี่ยวข้องเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีต่อไป
ที่มาภาพ/ข้อมูล : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG221108132722131