นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร มีนโยบายในการใช้ BCG Model ด้วยกระบวนการส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่ ซึ่งเป็นการพัฒนาโดยยึดพื้นที่เป็นหลัก มีการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึกทั้งมิติพื้นที่ คน และสินค้า ใช้กระบวนการมีส่วนร่วม พัฒนาตามความต้องการของพื้นที่ บูรณาการการดำเนินงานและงบประมาณกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาคีในระดับพื้นที่และระดับนโยบาย มุ่งเน้นการพัฒนาต่อยอดจากฐานการพัฒนาที่มีอยู่แล้ว ให้เกิดผลสำเร็จที่ชัดเจน สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและชุมชน โดยมีเป้าหมายปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรของไทยสู่ 3 สูง ได้แก่ ประสิทธิภาพสูง มาตรฐานสูง และรายได้สูง
จังหวัดตาก มีพื้นที่ปลูกต้นหมากมากกว่า 10,000 ไร่ และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต การกำจัดเศษวัสดุเหลือใช้จากการทำการเกษตรของเกษตรกรส่วนใหญ่คือ การเผาทำลาย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดไฟป่าและปัญหาหมอกควัน หรือ PM2.5 ในปัจจุบัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นแรงจูงใจให้มีแนวคิดในการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน “โฮมฮักตาก” โดยวิสาหกิจชุมชนโฮมฮักตาก อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เริ่มจากเป็นกลุ่มผู้ผลิตภาชนะกาบหมากเล็กๆ ภายในจังหวัดตาก โดยมีแนวความคิดในการแยกขยะและการรักษาสิ่งแวดล้อมในชุมชน และได้นำ BCG Model มาใช้ขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมของกลุ่ม โดยมีการเข้าร่วมโครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล (U2T) ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สบู่จากถ่านไบโอชาร์กาบหมาก และผลิตภัณฑ์แชมพูอาบน้ำสัตว์จากน้ำส้มควันไม้กาบหมาก อีกทั้งยังพัฒนาระบบการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยไม่มีการใช้สารเคมีในทุกขั้นตอนในกระบวนการผลิตและยังมีเป้าหมายที่จะผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยใช้กระบวนการผลิตที่สร้างขยะเป็นศูนย์ Zero Waste Production อีกด้วย
ที่มาข้อมูล : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230321140959260