กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประมาณการว่าในปี 2568 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ในระดับ 3.0% โดยได้รับจากปัจจัยบวก 4 ด้านหลักคือ การบริโภคภาคเอกชน การส่งออกสินค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน (ประมาณว่า 4 เครื่องยนต์หลักในโครงสร้างเศรษฐกิจไทยจะพร้อมใจกันเดินเครื่อง)…โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 2.9% การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามอุปสงค์ในตลาดโลกและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยคาดว่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวที่ 3.1% ต่อปี จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปี 2568 คาดว่าจะมีจำนวน 39.0 ล้านคน การบริโภคภาครัฐจะขยายตัวที่ 2.2% การลงทุนภาคเอกชนที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.3% ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวเร่งตัวขึ้นจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนผ่านมาตรการของบีโอไอ และ การลงทุนภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 4.7% ต่อปี จากการเร่งรัดการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนและการเร่งรัดโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 และโครงการรถไฟทางคู่ในเส้นทางต่างๆ….สรุปว่าดูเหมือนจะดีนะ
ขณะที่ดัชนีภาคการผลิตลดลงมาติดต่อกัน 6 ไตรมาส ล่าสุดเดือน ก.ย.2567ที่ผ่านมาติดลบ 1-2% และถูกกระทบจากสินค้านำเข้าราคาถูก เช่น สินค้าจากจีน ตัวเลขนำเข้าสูงขึ้น ช่วงที่ผ่านมาเพิ่มเกือบ 20% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ภาคอุตสาหกรรมจึงอยากให้ภาครัฐมีมาตรการป้องกันสินค้าจากต่างประเทศไม่ให้ทะลักเข้ามาในประเทศไทย จนกระทบถึงภาคการผลิตมากไปกว่านี้ นอกจากนี้ประเทศไทยติดกับดักรายได้ปานกลางมานาน ซึ่ง 40-50 ปีที่ผ่านมาความสามารถแข่งขันลดลง และช่วง 10 ปีที่ผ่านมาค่าเฉลี่ยของจีดีพีไทยอยู่ที่ 1.92% ไม่ถึง 2% แต่ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านจีดีพีเติบโต 5-7% โดยแนวทางแก้ไขคือ ต้องปรับโครงสร้างการผลิต และอุตสาหกรรมทั้งหมด รวมทั้งสร้างนวัตกรรมต้องเกิดขึ้น เช่น เรื่องพลังงานสะอาด BCG อุตสาหกรรมสีเขียว Climate change และ Net Zero
แหล่งที่มาข้อมูล / อ่านทั้งหมดได้ที่ : https://www.naewna.com/business/839052