“Waste No More สานต่อความยั่งยืน”ฟื้นของเสีย ..เกิดคุณค่าอย่างประสิทธิภาพ

share to:

Facebook
Twitter

 

 

เป็นแนวทางที่สอดรับกับหลักการ BCG หรือ โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ผสมผสานการพัฒนา 3 ด้านหลัก คือ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)

ในอุตสาหกรรมอาหาร ผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรอย่าง “บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ” นำหลัก BCG มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกัน ยังส่งเสริมให้บุคลากรของบริษัท ตระหนักและให้ความสำคัญของการบริหารจัดการทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุด ลดของเสียในกระบวนการผลิต นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ ช่วยเพิ่มมูลค่าของเสียให้เป็นของดีอย่างมีประสิทธิภาพ (Waste to Value) พัฒนากระบวนการบริหารจัดการของเสียตลอดกระบวนการ ทั้งในฟาร์มเลี้ยงสุกร โรงงานผลิตอาหารสุกร จนถึงโรงงานชำแหละตัดแต่งและแปรรูปสุกร

“สมพร เจิมพงศ์” ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจสุกร ซีพีเอฟ กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของซีพีเอฟคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการผลิต ทั้งการพัฒนามาตรฐานฟาร์มสีเขียว (Green Farm) บริหารจัดการฟาร์มสุกรรักษ์โลกที่เน้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เลี้ยงสุกรในโรงเรือนระบบปิดที่ทำความเย็นด้วยการระเหยของน้ำหรือระบบอีแวป (EVAP) ใช้ระบบบำบัดน้ำด้วยไบโอแก๊ส (Biogas) ช่วยลดกลิ่น พัฒนากระบวนการเลี้ยงสัตว์ที่คำนึงถึงการลดผลกระทบต่อชุมชนรอบข้าง โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและระบบอัตโนมัติมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตตลอดห่วงโซ่ ที่นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์เนื้อหมูปลอดสาร ปลอดภัย เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคแล้ว ยังเป็นตัวอย่างของภาคปศุสัตว์ที่อยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน

จากความคิดริเริ่มที่มองเห็นประโยชน์ของของเสีย แล้วสรรหานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับเปลี่ยนให้เป็นของดีอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดโครงการ “Waste No More สานต่อความยั่งยืน” โดยนำของเสียที่ผ่านกระบวนการบำบัดและกระบวนการเผาไหม้กลับมาใช้ เปลี่ยนของเสียให้กลายเป็นของดี เกิดเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพ “น้ำปุ๋ยดี แก๊สดี กากตะกอนดี เถ้าดี”

 

 

 

ที่มาข้อมูล/อ่านทั้งหมดได้ที่ : https://www.bangkokbiznews.com/environment/1162935