‘The Next Gen Workforce for EEC’ เจาะลึกภารกิจการเปลี่ยนศักยภาพกำลังคน เป็นขุมพลังพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายใน EEC

share to:

Facebook
Twitter

เพื่อผนึกกำลังภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน ร่วมแสดงศักยภาพเชื่อมโยงนักลงทุนไทยและต่างชาติสู่การลงทุนและการพัฒนาร่วมกันในพื้นที่ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก” หรือ EEC เมื่อวันที่ 25-26 สิงหาคม ที่ผ่านมา จึงมีการจัดงาน “EEC EXPO 2025 – Opportunity for Prosperity” โดยเป็นการผนึกกำลังกันระหว่าง สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ และ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ซึ่งภายในงานมีการจัดเวทีเสวนาวิชาการในหัวข้อที่สำคัญ และหนึ่งในไฮไลต์ของเสวนาในงานนี้ คือ หัวข้อ “The Next Gen Workforce for EEC”


โดยเสวนาในหัวข้อนี้มีจุดประสงค์สำคัญเพื่อสื่อสารให้เห็นถึงโมเดลความสำเร็จของการพัฒนาศักยภาพกำลังคนใน EEC เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมเป้าหมาย และก้าวต่อไปในการเสริมศักยภาพบุคลากรให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา EEC

เวทีเสวนา “The Next Gen Workforce for EEC” มีผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญและคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการพัฒนาบุคลากรของประเทศมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แชร์ประสบการณ์ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง ดังนี้ ผศ.อภิเนตร อูนากูล กรรมการมูลนิธิเสนาะ อูนากูล, ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ที่ปรึกษานโยบายทรัพยากรมนุษย์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI), ดร.อภิชาต ทองอยู่ ประธานคณะทำงานประสานงานด้านการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC HDC) สุดคนึง ขัมภรัตน์ นายกสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย และดำเนินรายการ โดย ผศ.ดร.ณยศ คุรุกิจโกศล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

ผศ.ดร.ณยศ ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ได้เกริ่นให้เห็นความท้าทายในการพัฒนาและเดินหน้าโครงการ EEC ว่าการลงทุนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ EEC เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ ที่มีความท้าทายและความทันสมัย ซึ่งนอกเหนือจากความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐานแล้ว “ต้นทุนมนุษย์” หรือบุคลากร ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจว่าจะเข้ามาขยายธุรกิจในพื้นที่ EEC หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมา ตั้งแต่จัดตั้ง สกพอ. หรือ EEC ก็มีการให้ความสำคัญในด้านนี้มาโดยตลอด และได้ตั้งคณะทำงานขึ้น นั่นคือ คณะทำงานประสานงานด้านการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC HDC

โดยการทำงานของ EEC HDC เป็นการสนธิกำลังกันระหว่างทุกองคาพยพ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานการศึกษา หน่วยงานพัฒนากำลังคน หน่วยงานพัฒนาพื้นที่ต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ด้านการพัฒนากำลังของ EEC ให้ได้ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็มีความท้าทายมากมายที่คณะทำงานฯต้องร่วมมือกันก้าวผ่านมาให้ได้ ทั้งในส่วนของความต้องการในเชิงระบบและดีมานด์ของนักลงทุน ทำให้ที่ผ่านมาเกิดการพัฒนานวัตกรรมการดำเนินงานเพื่อปฏิวัติระบบการศึกษาใน EEC ให้ตอบโจทย์ภาคผู้ใช้กำลังคนหรือภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น อย่าง EEC Model ซึ่งความท้าทายที่สุดอยู่ที่คำถามแรก คือ “เราต้องเตรียมกำลังคนจำนวนกี่คน?”

และเพื่อตอบคำถามสำคัญนี้ ทาง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้จัดทำรายงานการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน ภาคตะวันออก ปี พ.ศ. 2567 ในหัวข้อ “การพัฒนาคน เพื่อขับเคลื่อน EEC อย่างยั่งยืน” ซึ่งรายงานฉบับนี้ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากมูลนิธิเสนาะ อูนากูล และข้อค้นพบสำคัญที่ได้จากรายงานวิจัยนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการพัฒนาบุคลากรที่เกิดขึ้นใน EEC ตลอดจนปัญหา อุปสรรค และช่องว่างที่พบในระหว่างภารกิจการพัฒนากำลงคนในครั้งนี้ โดย ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ที่ปรึกษานโยบายทรัพยากรมนุษย์ TDRI ได้มาอธิบายเพิ่มเติมว่า

“ในระดับประเทศ แน่นอนว่า “คน” เป็นส่วนหนึ่งที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในทุกมิติ และใน EEC ก็เช่นกัน แต่ EEC มีความพิเศษกว่าตรงที่ จะต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนา “คน” ในฐานะเป็นศูนย์กลางและเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา EEC ทว่า ด้วยระบบการศึกษาไทย ที่พบว่าปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นและหยั่งรากลึกมานาน นั่นคือ การผลิตคนได้ไม่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศ นั่นคือการที่นักศึกษาเลือกเรียนในสาขาที่ประเทศไม่ได้ต้องการ ดังนั้น โจทย์สำคัญของ EEC จึงเป็นการผลิตคนให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่”

“โดย ในปี พ.ศ. 2564–2568 พื้นที่ EEC มีการคาดการณ์ความต้องการแรงงานในอุตสาหกรรมเป้าหมายหลายแสนคน ถึงแม้จะมีการเติบโตของแรงงานที่มีระดับการศึกษาและทักษะที่สูงขึ้น แต่ยังคงเผชิญปัญหาทักษะแรงงานไม่ตรงกับความต้องการ ขาดแรงงานทักษะสูง โดยเฉพาะในสาขา STEM และทักษะ Non-STEM เช่น ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และการสื่อสาร รวมทั้งการวางแผนพัฒนาคนไม่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก”

 

“อีกทั้งยังมีความท้าทายที่ประเทศไทยและ EEC กำลังเผชิญปัญหาโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมสูงวัย อัตราการเกิดลดลง และแรงงานวัยทำงานมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ความต้องการแรงงานทักษะสูงในอุตสาหกรรมเป้าหมายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จุดนี้เองที่สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการยกระดับระบบการศึกษา และฝึกอบรมอาชีพให้ยืดหยุ่น มีความเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น  เน้นการผลิตหรือการจัดหาตามความต้องการของลูกค้าหรือตลาดเป็นหลัก”

“การพัฒนากำลังคนใน EEC ต้องอาศัยการบูรณาการระหว่างภาคการศึกษา อุตสาหกรรม และภาครัฐเพื่อให้เกิดการปรับตัวและพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง โดยหน่วยงานมีบทบาทหลักในเรื่องนี้ ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ที่จะทำหน้าที่เป็นแกนกลางร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และ ภาคเอกชน ในการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนากำลังคน และพัฒนารูปแบบความร่วมมือแบบ Triple Helix ที่เชื่อมโยงภาครัฐ ภาคธุรกิจ และสถาบันการศึกษาเข้าด้วยกัน เพื่อให้การผลิตกำลังคนตอบโจทย์เศรษฐกิจอนาคตและสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างแท้จริง”

“ขณะเดียวกันประเทศไทยจำเป็นต้องปรับทั้งวิธีคิด และวิธีสร้างทักษะใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะการเปลี่ยนจากระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมที่สถาบันการศึกษาเป็นศูนย์กลาง ไปสู่ Industrial-Centered Model ที่ภาคอุตสาหกรรมมีบทบาทร่วมในการกำหนดเนื้อหาและเป้าหมายการเรียนรู้ร่วมกับสถาบันการศึกษา โดยให้ระบบการศึกษาจะต้องเปลี่ยนบทบาทจากศูนย์กลาง มาเป็นพันธมิตร ของภาคอุตสาหกรรม พร้อมเปิดทางให้ภาคเอกชนมีบทบาทหลักในการกำหนดความต้องการทักษะอย่างเป็นรูปธรรม”

ดร.อภิชาต ทองอยู่ ประธาน EEC HDC ได้มาชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนากำลังคนในพื้นที่ EEC ที่ต้องตอบโจทย์การลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ว่า

“เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เป็นการพัฒนาเชิงพื้นที่ที่เป็นเสมือน Lab ในการยกระดับปรับสร้างประเทศสู่อนาคต มีการพัฒนาครบวงจรในทุกมิติ ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานจนถึงการแข่งขันการลงทุนและการสร้างคน EEC ไม่ใช่แค่เขตการลงทุนพิเศษหรือเขตเศรษฐกิจพิเศษเช่นที่เคยมีมา ดังนั้นกระบวนการพัฒนาเขตพิเศษนี้ จึงเป็นนวัตกรรมใหม่ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี.และนวัตกรรม ตลอดจนถึงการสร้างและพัฒนากำลังคน ที่เสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน-การลงทุน เป็น กรอบปฏิบัติการสร้างความก้าวหน้าใหม่ของประเทศ”

“อุตสาหกรรมวันนี้ทั้งการผลิตและบริการ ได้เปลี่ยนจากอุตสาหกรรมโลกเก่า ที่เป็นเรื่องของสิ่งทอ ชิ้นส่วนรถยนต์ หรือปิโตรเคมี ฯ แบบเดิมๆ สู่ อุตสาหกรรมโลกใหม่ เช่น EV เซมิคอนดักเตอร์ ดิจิตอล จนถึงกลุ่ม BCG ซึ่งการรองรับการผลิตยุคใหม่ ต้องปรับสร้างฐานรองรับเทคโนโลยี และสร้างบุคลากรที่มีทักษะการทำงานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้เราไม่สามารถใช้การสร้างคนจากระบบการศึกษาแบบเดิมอีกต่อไป”

“ดังนั้น การผลิตกำลังคนรองรับ อุตสาหกรรม 4.0 จึงต้องปรับโครงสร้างทักษะและสมรรถนะบุคลากรให้มีทักษะด้านออโตเมชัน ดิจิทัล และ กลุ่มอุตสาหกรรมสีเขียวหรืออุตสาหกรรมสะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การผลิตบุคลากรจากระบบการศึกษาเก่าที่ผลิตคนให้ไปหางานทำ ต้องเปลี่ยนสู่การจัดการกำลังคนแบบ EEC Model นั่นคือการสร้างคนให้ตรงกับทักษะ-สมรรถนะ ที่อุตสาหกรรมยุคใหม่ต้องการ-มีความร่วมมือในการพัฒนายกระดับสู่ทักษะใหม่ร่วมกันระหว่างสถานศึกษากับภาคอุตสาหกรรมซึ่งเรียกรวมว่า Demand driven”